เรียนอย่างไรให้ได้เกรดดี

เรียนอย่างไรให้ได้เกรดดี

Education

          หลายคนคงเคยเจอกับปัญหา เรียนตก เรียนไม่เก่ง หัวไม่ดี กันมาทั้งนั้น แต่เราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ที่จะทำให้เราเป็นคนเรียนดี เรียนเก่งได้ อยากเรียนเก่ง ได้เกรด 4 เกรด A แน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็ต้องอาศัยการมีวินัย เข้าห้องเรียนอย่างสม่ำเสมอ และหมั่นทบทวนบทเรียน แต่เคยสังเกตไหมว่า บางทีเราก็ทำคล้ายเพื่อนแทบทุกอย่าง แต่ทำไมสอบออกมาถึงได้คะแนนน้อยกว่าเขาล่ะ ถ้าอยากได้เกรดดีๆ บ้าง วันนี้เรามีเคล็ดลับมาฝากกัน

  1. “เป้าหมาย” เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ว่าเราจะอยู่วัยทำงาน วัยเรียน หรือวัยไหน เป้าหมายก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะทำให้เราตั้งใจและเดินทางไปสู่เป้าหมายได้อย่างสวยงาม โดยเป้าหมายจะต้องไม่กดดันเรามากเกินไปด้วยนะ เช่น น้องๆ ลองตั้งไว้ว่า เทอมหน้าต้องการ เกรด 3.00 ขึ้นไป หรืออยากจะได้เป็น 1 ใน 5 ของห้องเรียน
  2. “ลดแรงกดดัน” ผลักดันกับกดดัน มันค่อนข้างต่างกันนะ เราลองลดแรงกดดันแล้วเริ่มแรงผลักดัน เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้อย่างมีความสุข เช่น คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้ไม่ดีพอในครั้งนี้ อย่าเพิ่งกดดันตนเอง ลองหาแรงบันดาลใจ เช่นการดู series เกี่ยวกับการเรียนสักเรื่อง ที่ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นแบบตัวละคร แล้วค่อยๆ หาวิธีที่ทำให้เราจะได้คะแนนสอบในครั้งต่อไปดีขึ้นกว่าเดิม
  3. “เตรียมอุปกรณ์” หลายๆ คน มักชอบเดินหาอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ ที่มีความน่ารัก สดใส หรือสไตล์มินิมอลสุดคูล แบบไหนก็ได้ ที่ทำให้เรารู้สึกอยากจด อยากเขียน อยากบันทึกอะไรลงไป แล้วลองเรียนรู้จากแหล่งใหม่ๆ เช่น เทอมที่แล้วเกรดภาษาอังกฤษไม่ค่อยดีเลย ลองหาภาพยนตร์ต่างชาติที่เป็นซับไตเติลดูสักเรื่อง แล้วจดบันทึกคำศัพท์ใหม่ๆ หรือรูปประโยคที่น่าสนใจ ด้ายเครื่องเขียนที่เราชื่นชอบ รับรองทั้งสนุกทั้งได้ความรู้
  4. “Studygram” เป็นไดอารี่ที่ใช้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการเรียน การอ่านหนังสือ การทำข้อสอบ ของตัวเองที่ทันสมัย และเหมาสำหรับคนที่ไม่ชอบเขียนเป็นอย่างมาก โดย studygram เป็นการบันทึกในแอพพลิเคชั่น Instagram  ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายรูปหนังสือที่เราอ่าน ถ่ายความคืบหน้าของงาน การบ้านที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้กระทั่งการหาแรงบันดาลใจผ่าน แฮชแท็ก #studygram ที่มีคนสนใจและทำเพื่อกระตุ้นให้เราตั้งใจมากยิ่งขึ้น
  5. “แบ่งเวลา” แน่นอนว่า ถ้าหากเรามุ่งมั่นมันก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าอะไรที่มันมากเกินไปอาจทำให้เราไม่มีความสุข และทำให้เราล้มเลิกความตั้งใจได้ง่ายๆ แล้วสุดท้ายเป้าหมายที่ตั้งไว้ในข้อ 1 ก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ดังนั้น เราลองมาจัดสรรปันส่วนให้มันสมดุลกัน ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เช่น เลิกเรียนแล้วให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อนเล่นโทรศัพท์คู่ใจสัก 1-2 ชั่วโมง หรือออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ แถวบ้านสักหน่อยแล้วกลับมาทำการบ้านและอ่านหนังสือ สุดท้ายก็ค่อยอาบน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอด้วยนะ
  6. “ประเมินตนเอง” หากน้องๆ ได้ลองทำตั้งแต่ข้อที่ 1 จนถึงข้อที่ 5 แล้ว ลองประเมินตัวเองสักหน่อยว่าที่ทำมานั้นเรามีความสุขกับการเรียน ไม่เครียด และค่อยๆเขยิบเข้าใกล้เป้าหมายทีละน้อย ถ้าวิธีไหนยังไม่ถูกใจหรือเครียดเกินไป ลองหาวิธีดูไปเรื่อยๆ แล้วเราก็จะสำเร็จตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ สู้ๆ